กฎหมาย EMT ที่คุณอาจไม่รู้: รู้ก่อน ช่วยชีวิตคนได้มากกว่าเดิม

webmaster

Updated on:

ในฐานะหน่วยกู้ชีพ สิ่งสำคัญที่สุดคือการช่วยชีวิตผู้อื่น แต่การรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเราก็สำคัญไม่แพ้กัน กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อจำกัดเรา แต่มีไว้เพื่อปกป้องทั้งตัวเราและผู้ที่เราให้ความช่วยเหลือ ลองนึกภาพว่าคุณกำลังช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่ไม่รู้ข้อจำกัดทางกฎหมาย อาจนำไปสู่ปัญหาที่คาดไม่ถึงได้ ดังนั้นการมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมายต่อไปนี้ เราจะมาเจาะลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่หน่วยกู้ชีพควรรู้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาร่วมกันทำความเข้าใจในรายละเอียดไปพร้อมๆ กันนะครับ!

ทำความเข้าใจขอบเขตอำนาจหน้าที่ของหน่วยกู้ชีพ

กฎหมาย - 이미지 1

ข้อจำกัดทางกฎหมายในการให้ความช่วยเหลือ

ในฐานะหน่วยกู้ชีพ เราต้องตระหนักว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเรานั้นมีขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์เบื้องต้นและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นสิ่งที่เราได้รับอนุญาตให้ทำ แต่การวินิจฉัยโรคหรือการให้การรักษาที่เกินขอบเขตความสามารถของเรานั้น อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้ ผมเคยเจอเคสที่เพื่อนร่วมงานพยายามให้ยาแก้แพ้กับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้รุนแรง แต่ผู้ป่วยกลับมีอาการแย่ลงและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญว่าเราควรช่วยเหลือในขอบเขตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

การปฏิเสธการรักษาของผู้ป่วย

ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะปฏิเสธการรักษาได้ แม้ว่าเราจะเห็นว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายก็ตาม สิ่งสำคัญคือเราต้องเคารพสิทธิของผู้ป่วย และอธิบายถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิเสธการรักษาอย่างชัดเจน หากผู้ป่วยยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธการรักษา เราควรบันทึกเหตุการณ์และเหตุผลในการปฏิเสธไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ครั้งหนึ่งผมเคยเจอผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุรถชน แต่ปฏิเสธที่จะขึ้นรถพยาบาลเพราะกลัวว่าจะเสียเวลา ผมต้องใช้เวลาอธิบายถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จนในที่สุดเขาก็ยอมขึ้นรถพยาบาล

การยินยอมในการรักษา (Informed Consent)

ก่อนที่เราจะให้การรักษาใดๆ เราต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยก่อน เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ป่วยไม่สามารถให้ความยินยอมได้ การขอความยินยอมนั้นต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยผู้ป่วยต้องเข้าใจถึงขั้นตอนการรักษา ความเสี่ยง และผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา หากผู้ป่วยไม่สามารถให้ความยินยอมได้ (เช่น หมดสติ) เราสามารถขอความยินยอมจากญาติหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ป่วยได้ แต่หากไม่สามารถติดต่อใครได้เลย เราสามารถให้การรักษาตามความจำเป็นเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยได้

ความรับผิดทางกฎหมายของหน่วยกู้ชีพ

ความประมาทเลินเล่อ (Negligence)

ในฐานะหน่วยกู้ชีพ เราต้องระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ และหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย ความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ อาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้ ตัวอย่างเช่น หากเราเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างไม่ระมัดระวัง ทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม เราอาจต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ผมเคยได้ยินเรื่องราวของหน่วยกู้ชีพที่ลืมล็อกเปล ทำให้เปลไหลลงจากรถพยาบาลและผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้เราต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดของการปฏิบัติงาน

การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้ เราต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นความลับ และไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ป่วย หรือมีเหตุผลทางกฎหมายที่สมควร ผมเคยเห็นเพื่อนร่วมงานโพสต์ภาพผู้ป่วยลงในโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้

การช่วยเหลือโดยสุจริตใจ (Good Samaritan Law)

กฎหมายช่วยเหลือโดยสุจริตใจ เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกฟ้องร้อง หากการช่วยเหลือเป็นไปโดยสุจริตใจและไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ไม่ได้คุ้มครองเราหากเรากระทำการเกินขอบเขตความสามารถของเรา หรือกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ

การจัดการกับสถานการณ์ทางกฎหมายที่ซับซ้อน

การชันสูตรพลิกศพและการเก็บรวบรวมหลักฐาน

ในบางกรณี เราอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ หรือการเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ สิ่งสำคัญคือเราต้องรักษาสถานที่เกิดเหตุ และไม่เคลื่อนย้ายหรือทำลายหลักฐานใดๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอนุญาต ตัวอย่างเช่น หากเราพบศพในที่เกิดเหตุ เราต้องแจ้งให้ตำรวจทราบทันที และรอจนกว่าตำรวจจะมาถึงก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพ

การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ในฐานะหน่วยกู้ชีพ เราต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เราให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริง และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงใดๆ หากเราถูกเรียกตัวไปเป็นพยานในศาล เราต้องไปตามหมายเรียก และให้การตามความจริง

การบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วน

การบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของเรา ข้อมูลที่เราบันทึกไว้อาจถูกนำไปใช้ในการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆ หรือใช้เป็นหลักฐานในศาล ดังนั้นเราต้องใส่ใจในการบันทึกข้อมูล และตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เราบันทึกไว้นั้นถูกต้องและครบถ้วน ตัวอย่างเช่น เราควรบันทึกเวลาที่เกิดเหตุ อาการของผู้ป่วย การรักษาที่เราให้ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อควรระวังเพิ่มเติมสำหรับหน่วยกู้ชีพ

การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์อย่างถูกต้อง

เราต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างถูกต้องและระมัดระวัง การใช้เครื่องมืออย่างไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยได้ เราควรเข้ารับการฝึกอบรมการใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคู่มือการใช้งานอย่างเคร่งครัด

การป้องกันการติดเชื้อ

เราต้องป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ โดยการสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หน้ากาก และแว่นตา เราควรล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดอุปกรณ์ทางการแพทย์หลังการใช้งานทุกครั้ง

การจัดการกับความเครียด

การทำงานเป็นหน่วยกู้ชีพนั้นมีความเครียดสูง เราต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียด เพื่อป้องกันไม่ให้ความเครียดส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเรา เราอาจพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน นักจิตวิทยา หรือเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน เพื่อระบายความเครียดและความรู้สึก

ตารางสรุปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยกู้ชีพ

กฎหมาย รายละเอียด ข้อควรระวัง
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ให้กระทำการที่อาจเป็นความผิดทางอาญา
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ความรับผิดทางแพ่ง หลีกเลี่ยงความประมาทเลินเล่อที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เก็บรักษาข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นความลับ และไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบโดยไม่ได้รับอนุญาต
กฎหมายจราจรทางบก การขับขี่ยานพาหนะ ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

การพัฒนาความรู้ทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง

การเข้าร่วมอบรมและสัมมนา

เราควรเข้าร่วมอบรมและสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อUpdateความรู้และความเข้าใจในกฎหมายใหม่ๆ

การศึกษาคู่มือและเอกสารทางกฎหมาย

เราควรศึกษาคู่มือและเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเรา เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายอย่างถูกต้อง

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย

หากเรามีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมาย เราควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือการมีความรู้ทางกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยกู้ชีพทุกคน เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ ถูกต้องตามกฎหมาย และปกป้องทั้งตัวเราและผู้ที่เราให้ความช่วยเหลือ

บทสรุป

การทำงานเป็นหน่วยกู้ชีพนั้นมีความท้าทายและมีความรับผิดชอบสูง เราต้องมีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเรา เพื่อให้เราสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และปกป้องทั้งตัวเราและผู้ที่เราให้ความช่วยเหลือ ขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและมีสติเสมอ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน และช่วยให้ท่านมีความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยกู้ชีพมากยิ่งขึ้น หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เสมอครับ

ขอเป็นกำลังใจให้หน่วยกู้ชีพทุกท่านที่เสียสละเวลาและแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือผู้อื่น ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ และได้รับความเคารพจากสังคม

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบทความนี้ หวังว่าจะได้พบกันใหม่ในบทความต่อไปนะครับ

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

1. หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินในประเทศไทยคือ 1669 (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ)

2. แอปพลิเคชัน “EMS 1669” สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินและขอความช่วยเหลือ

3. สมาคมกู้ชีพกู้ภัยแห่งประเทศไทย (Rescue Thailand Association) มีหลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาลและการกู้ชีพ

4. การบริจาคโลหิตเป็นประจำ ช่วยให้มีโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน

5. การเรียนรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น สามารถช่วยชีวิตผู้อื่นได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ข้อสรุปที่สำคัญ

– หน่วยกู้ชีพต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่

– การให้ความช่วยเหลือต้องเป็นไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด

– เคารพสิทธิของผู้ป่วยในการปฏิเสธการรักษา

– ป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ

– จัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖

ถาม: หน่วยกู้ชีพมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุได้หรือไม่?

ตอบ: โดยทั่วไป หน่วยกู้ชีพมีสิทธิ์เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือป่วยฉุกเฉินได้ แต่ต้องเป็นไปตามขอบเขตที่จำเป็นและสมควรแก่เหตุ หากเป็นการเข้าไปในเคหสถานส่วนตัว อาจต้องพิจารณาถึงความยินยอมของเจ้าของบ้าน หรือมีหมายค้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากสถานการณ์เร่งด่วน เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย ก็สามารถเข้าไปได้ตามความเหมาะสม

ถาม: หากผู้ป่วยหมดสติและไม่สามารถให้ความยินยอมในการรักษาได้ หน่วยกู้ชีพควรทำอย่างไร?

ตอบ: ในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติและไม่สามารถให้ความยินยอมได้ กฎหมายอนุญาตให้หน่วยกู้ชีพทำการรักษาที่จำเป็นเพื่อช่วยชีวิตหรือป้องกันอาการทรุดหนักได้ โดยถือว่าเป็นการยินยอมโดยปริยาย (implied consent) อย่างไรก็ตาม ควรมีการบันทึกเหตุผลและความจำเป็นในการรักษาไว้อย่างละเอียด เพื่อเป็นหลักฐาน

ถาม: หากผู้ป่วยปฏิเสธการรักษา หน่วยกู้ชีพควรทำอย่างไร?

ตอบ: หากผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดีและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนปฏิเสธการรักษา หน่วยกู้ชีพต้องเคารพสิทธิของผู้ป่วย เว้นแต่ผู้ป่วยนั้นไม่มีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง (เช่น เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีภาวะทางจิต) ในกรณีนี้ หน่วยกู้ชีพควรพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ป่วย ชี้แจงถึงความเสี่ยงของการปฏิเสธการรักษา และบันทึกการปฏิเสธไว้อย่างชัดเจน หากสถานการณ์มีความซับซ้อน ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

📚 อ้างอิง

Leave a Comment